วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

การแสวงหาความรู้ของพระพุทธเจ้า


การแสวงหาความรู้ของพระพุทธเจ้า


พระโพธิสัตว์ทรงศึกษาในสำนักอาฬารดาบส และอุททกดาบสรามบุตร อาจารย์ผู้สอนสมาบัติ ณ กรุงราชคฤห์ แคว้นมคธซึ่ง เน้นการปฏิบัติทางบำเพ็ญจิตโดยเจริญสมาธิเกิดณานสมาบัติ ๗ แล้วทรงศึกษาต่อในสำนักอุททกรามบุตรสำเร็จสมาบัติ ๘ ทรงศึกษาปฏิบัติได้เทียนบเท่าครู แต่ทรงเห็นว่าน่าจะมีหนทางในวิธีปฏิบัติให้บรรลุได้ยิ่งกว่า จึงเสด็จไปบำเพ็ญตบะด้วยตนเองตามลำพัง




พระโพธิสัตว์ทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยาด้วยวิธีการต่างๆ
ตลอด 6 ปี โดยมีหมู่ปัญจวัคคีย์คอยเฝ้าปรนนิบัติ
บำเพ็ญอย่างอุกฤษฎ์
         ในภาพ พระโพธิสัตว์ทรงกระทำความเพียรอุกฤษฎ์จนพระวรกายเหี่ยวแห้ง มีหนังติดกระดูก ลักษณะมหาปุริสลักษณะหายไป หมู่ปัญจวัคคีย์ที่คอยเฝ้าปรนนิบัติอยู่เชื่อว่าพระองค์จะทรงบรรลุ ในที่สุดทรงค้นพบว่าวิธีปฏิบัตินี้เป็นทางสุดโต่ง ทำให้ตนเองลำบากไม่ใช่หนทางพ้นทุกขน์ทรงพบว่าควรปฏิบัติเป็นทางสายกลาง คือไม่ตกไปทางใดทางหนึ่ง



พระโพธิสัตว์ทรงสดับพิณ 3 สายที่เทวดาดีดถวาย
แล้วทรงวินิจฉัยว่า สายที่ 1 ตึงเกินไปดีดไม่นานก็ขาด
สายที่ 2 หย่อนเกินไปดีดไม่มีเสียง สายที่ 3 ขึงได้พอดีดีดได้ไพเราะ
ทรงระลึกถึงความพอดีอันเป็นทางสายกลางว่าอาจนำไปสู่การปฏิบัติ
เพื่อความหลุดพ้นได้



พระโพธิสัตว์ทรงรับการถวายข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา

พระโพธิสัตว์ทรงลอยถาดทอง (ที่ทรงรับจากนางสุชาดา
พร้อมกับข้าวมธุปายาส) อธิษฐานเสี่ยงทายการตรัสรู้ว่า
หากพระองค์จะได้ตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าขอให้ถาดทองนั้นลอยทวน
กระแสน้ำ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา

ทรงรับการถวายหญ้ากุสะ ๘ กำจากโสตถิยพราหมณ์
ในภาพ พระโพธิสัตว์ทรงรบหญ้ากุสะ ๘ กำ (ฟ่อน) จากโสตถิยพราหมณ์ และนำไปอธิษฐานเป้นรัตนบัลลังก์ยังทิศตะวันออกของโคนไม้มหาโพธิพฤกษ์
นภาพ พระโพธิสัตว์ประทับ ณ รัตนบัลลังก์ใต้ร่มมหาโพธิพฤกษ์ทรงอ้างถึงทศบารมีที่กระทำมานับไม่ถ้วน พระแม่ธรณีสุนทรีย์ทรงบีบมวยผมปรากฏน้ำไหลออกมาท่วมหมู่มารให้พ่ายแพ้ ส่วนพญามารมีจิตโกรธเป็นสีแดง แต่ด้วยพระโพธิสัตว์ทรงพระปัญญาและทศบารมีจึงทำให้มารนั้นแพ้พ่ายไปในที่สุด


ทรงตรัสรู้เป็นพระอนุตรสัมมาสัมพุธเจ้า
ในภาพ หลังทรงตรัสรู้แล้วประทับ ณ รัตนบัลลก์ใต้ร่มมหาโพธิ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราเสวยสุขอันประณีต ๑ สัปดาห์ฺนับเป็นกาลสมัยอับัติขึ้นของพระพุทธเจ้าผู้มีพระนามว่าพระศรีศากยโคดมพุทธเจ้า





พุทธประวัติ พระพุทธเจ้า (ฉบับการ์ตูน animation)














วันพุธที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2563

เทวทูต 4


                                                                       

เทวทูต 4 

         วันหนึ่ง พระสิทธัตถะเสด็จประพาสพระราชอุทยาน โดยรถพระที่นั่ง ได้ทอดพระเนตรเห็นเทวทูตทั้ง ๔ คือ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และสมณะ ซึ่งเทพยดานิรมิตให้ทอดพระเนตรในระยะทาง ทรงเบื่อหน่ายในกามสุข ตั้งต้นแต่ได้ทรงเห็นคนแก่ เป็นลำดับไป

          ทรงหยั่งเห็นความแก่ ความเจ็บ ความตาย ครอบงำมหาชนอยู่ทุกคน ไม่ล่วงพ้นไปได้ เป็นอย่างนั้น เพราะโทษที่ได้ฟังคำสอนของนักปราชญ์ เห็นผู้อื่นแก่ เจ็บ ตาย ย่อมเบื่อหน่ายเกลียดชัง ไม่คิดถึงตัวว่า จะต้องเป็นเหมือนอย่างนั้นบ้าง เมาอยู่ในวัย ในความไม่มีโรค และในชีวิต เหมือนหนึ่งเป็นคนจะไม่ต้องแก่ เจ็บ ตาย มีแต่ขวนขวายหาของอันมีสภาวะเช่นนั้น ไม่คิดอุบายเครื่องพ้นบ้างเลย ถึงพระองค์ก็มีอย่างนั้นเป็นธรรม แต่จะเกลียดเบื่อหน่ายเหมือนอย่างเขา ไม่สมควรแก่พระองค์เลย



                               เจ้าชายสัทธัตถะทรงเสวยสุขในปราสาท ๓ ฤดู
         ในภาพ เสดงถึงพระโพธิสัตว์เสวยสุขสมบัติในปราสาทหนึ่งในฤดูร้อน ทรงได้รับการบำเรอด้วยหมู่สตรีงามที่ทำหน้าที่ต่าง ๆ กัน เช่น ฟ้อนรำ ขับกล่อมด้วยการขับร้องและเล่นดุริยดนตรีอันประณีตพระโพธิสัตว์ประทับเอนพระวรกายอยู่บนพระแท่นขณะเสวยกามสุขทางรูป รส กลิ่น เสียง และผัสสะ ที่พระราชบิดาประสงค์จักให้เป็นเจ้าชายทรงยึดติดอยู่แต่ในสิ่งที่งดงาม ยินดี และน่าลุ่มหลง อันเป็นเหตุที่จะให้ครองฆราวาส เป็นพระบรมมหาจักรพรรดิราช

พระโพธิสัตว์ทรงประลองศิลปศาสตร์การยิงธนู
         ในภาพ พระโพธิสัตว์ทรงยืนแสดงการยิงธนูพุ่งจากแหล่งไปยังขนหางจามรีในเวลาพลบค่ำ เป็นอัจฉริยภาพความสามรถพิเศษที่มิได้มีในบุคคลทั้วไป ในการสำแดงศิลปศาสตร์การยิงธนูอย่างพิเศษประเสริฐยิ่งนี้ กระทำในทามกลางหมู่พราหมณ์คหบดี ทำให้เกิดความปลาบปลื้มยินดีว่า พระองค์ทรงเป็นมหาบุรุษผู้จะทรงเป็นพระมหาจักรพรรดิราชได้



                                                           พระโพธิสัตว์ทรงเลือกคู่
         ในภาพ พระโพธิสัตว์เสด็จประทับบนบัลลังก์ มีหมู่สตรีที่ไเดินผ่านพระพักตร์ และพระนางพิพาที่ได้รับซองพระราชทานรางวัลเป็นสร้อยพระศอเป็นคนสุดท้าย ซึ่งต่อมาได้รับการอภิเษกเป็นพระอัครมเหสี




                                             พระโพธิสัตว์เสด็จประพาสอุทยาน พบนิมิตร ๔
         ในภาพ แสดงการได้พบเห็นนิมิต ๔ ได้แก่ คนแก่ คนเจ็บ คนตาย และบรรพชิตในการประพาสอุทยานหลวง โดยเทพยดานิรมิตขึ้นเพื่อให้พระโพธิสัตว์ทรงเกิดปัญญาเห็นอย่างลึกซึ้ง รูปบรรพชิตเป็นรูปสุดท้ายที่ทรงยึดถือเอาว่าเป็นรูปนิมิตที่น้อมอารมณ์ไปสู่ความสงบสุข เป็นหนทางหนึ่งของการค้นหาความจริงในทุกข์ที่มนุษย์ได้เผชิญอยู่




พระโพธิสัตว์ทรงตัดสินพระทัยจะออกบวช
         ในภาพ พระโพธิสัตว์เสด็จยืนอยู่หน้าธรณีพระทวารประตูห้องพระบรรทมยโธราพิมพา ทรงทัศนาพระโอรสอย่างเพ่งพินิศ แล้วได้ตัดสินพระทัยเสด็จออกผนวช โดยเวลานั้นเป็นเวลาเที่ยงคืนของวันเพ็ญ เดือน ๘ ขณะที่มีพระชนมายุ ๒๙ พรรษา



เสด็จมหาภิเนษกรมณ์
          ในภาพ เป็นขบวนออกบวชของพระโพธิสัตว์สิทธัตถะ พระองค์เสด็จประทับหลังพญาม้ากัณฐกะเหาะไปทางอากาศ เป็นอภินิหาร มีความหมายว่าทรงข้ามโอฆสงสาร หรือการข้ามสังสารวัฎ ประมุขเทพอันมีพระอินทร์ถวายการถือฉัตรกั้น และท้าวมหาพรหมชื่อฆฎิการพรหมทรงถือเครื่องอัฐบริขารเหาะเสด็จไปเบื้องหน้า ที่มุมบนของภาพมีพระยามาร ชื่อวัสสวดีมารคอยติดตามขัดขวางด้วย



ตัดพระเมาลีอธิษฐานเพศเป็นนักบวช
         ในภาพ พระโพธิสัตว์ทรงกระโดดขึ้นประทับบนเนินทรายอธิษฐาน เพศเป็นนักบวชโดยตัดพระเาลี และวตรัสสั่งให้นายฉันนะนำเครื่องทรงบางส่วนพร้อมม้ากัณฐกะกลับไปยังพระนคร พระอินทร์และพราหมณ์เสด็จมารับมวยพระเกศาและผ้าทรงไปประดิษฐานยังเทวโลก



พุทธประวัติ การประสูติ


พุทธประวัติโดยย่อ

การประสูติ



ประสูติ
           เป็นวันประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ ณ ลุมพินีสถาน เมื่อวันเพ็ญเดือน ๖ ตรงกับวันศุกร์ขึ้น ๑๕ ค่ำ ปีจอ ก่อนพุทธศักราช ๘๐ ปี เมื่อพระนางสิริมหามายา พระมเหสีของพระเจ้าสุทโธทนะ แห่งกรุงกบิลพัสดุ์ ทรงพระครรภ์แก่จวนจะประสูติ พระนางได้รับพระบรมราชานุญาต จากพระสวามี ให้แปรพระราชฐานไปประทับ ณ กรุงเทวทหะ ซึ่งเป็นพระนครเดิมของพระนาง เพื่อประสูติในตระกูลของพระนางตามประเพณีนิยมในสมัยนั้น ขณะเสด็จแวะพักผ่อนพระอิริยาบถใต้ต้นสาละ ณ สวนลุมพินีวัน พระนางก็ได้ประสูติพระโอรส ณ ใต้ต้นสาละนั้น ครั้นพระกุมารประสูติได้ ๕ วัน ก็ได้รับการถวายพระนามว่า "สิทธัตถะ" ซึ่งต่อมาพระองค์ได้ออกบวช จนบรรลุอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ (ญาณอันประเสริฐสูงสุด) สำเร็จเป็นพระอรหันต์สัมมาสัมพุทธเจ้า จึงถือว่าวันนี้เป็นวันประสูติของพระพุทธเจ้า



หมู่ทวยเทพอัญเชิญจุติในภาพ พระโพธิสัตว์สันตดุสิตประทับ ณ ทิพยอาสน์ในอากัปกิริยาตรวจดูมหาวิโลกนะ ๕ ประการเพื่อตรวจดูความเหมาสะสมตามคำทูลเชิญปวงเทพที่เสด็จมาชุมนุม ณ ที่นั้น
พระสิริมหามายาราชเทวีทรงพระสุบินนิมิต
ในภาพ แสดงพระสุบินนิมิตแห่งความฝันของพระนางเจ้าสิริมหามายาราชเทวี
ผู้ที่่พระโพธิสัตว์ทรงเลือกให้เป็นพุทธมารดา พระโพธิสัตว์ทรงแสดงให้่พระมารดา
นิมิตเห็นพระยาช้างเผือกชูงวงจับดอกบัวขาวกระทำทักษิณาวัตร ๓ รอบ
ก่อนเสด็จเข้าพระครรภ์ทางด้านขวา

พระโพธิสสัตว์ขณะอยู่ในพระครรภ์
         ในภาพ แสดงถึงพระบุญญาธิการพระสิริมหามายาพุทธมารดา ระหว่างทรงครรภ์ ทรงมองเห็นพระโอรส พระโอรสนั้นประทับอยู่ในพระครรภ์ดุจห้องพระเจดีย์ และมีเหล่าท้าวจตุมหาราชาทั้ง ๔ ถวายการอารักขาความปลอดภัยแก่พระโพธิสัตว์และพระมารดาตลอดเวลา ทั้งกลางวัน กลางคืน ระหว่างที่ทรงบริหารครรภ์อยู่ครบบริบูรณ์ ๑๐ เดือน


พระประสูติการพระโพธิสัตว์
         ในภาพ พระนางเจ้าสิริมหามายายื่นพระหัตถ์โน้มกิ่งสาละประสูติพระโพธิสัตว์ซึ่งเสด็จออกมาทางด้านขวาแห่งพระชนนี พระกุมารนั้นเสด็จพระราชดำเนินไปได้ ๗ ก้าว ก็มีดอกบัวทิพย์รองรับพระบาททรงเปล่งพระวาจา อันอาจหารเป็นเบื้องต้นว่า ในโลกนี้เราเป็นยอด เป็นผู้เจริญที่สุด เป็นผู้ประเสริฐที่สุดการเกิดของเรานี้เป็นครั้งสุดท้ายภพใหม่ต่อไปไม่มี




พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายมหาปุริสลักษณะ         ในภาพ พราหมณ์ทั้ง ๘ ทำนายมหาปุริสลักษณะ พราหมณ์คนที่อยู่ใกล้พระราชกุมารที่สุดชื่อโกณฑัญญะพราหมณ์ เป็นผู้ทำนายว่าจะเสด็จออกผนวช และจะทรงบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าผู้เป็นศาสดาที่ยิ่งใหญ่ระหว่างนี้พระราชมารดาสิริมหามายายังดำรงพระชนม์อยู่



ปฐมญาณในวัย ๗ พรรษา         ในภาพ พระราชกุมารสิทธัตถะทรงเจริญฌาณได้บรรลุถึงขั้นปฐมณาน เกิดฤทธิ์ทางใจ อันเกิดจากการหลุดพ้นแห่งจิตที่เป็นณาน ทรงแผ่กสิณไปกำหนดให้เกิดเงาของร่มหว้าดุจเงาตอนเที่ยงพระเจ้าสุทโธทนะทรงเห็นเป็นมหัศจรรย์ ได้ถวายบังคมพระโอรสเป็นครั้งที่ ๒